callcenter
หน้าหลัก >> ข่าวสาร >> ทำไมจึงเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน

ทำไมจึงเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน

คนทำงาน ที่ได้รับอันตรายจากการทำงาน ส่วนใหญ่มักขาดความเอาใจใส่ ในเรื่องของสุขภาพความปลอดภัยทั้งในส่วนตัวคนงานเอง และสถานประกอบการที่ ไม่มีนโยบายเรื่องสุขภาพความปลอดภัย รวมถึงการขาดประสิทธิภาพในการตรวจสอบให้ความรู้ บังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่  ดังนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องเข้าใจ และปฏิบัติตามหลักความปลอดภัยโดยเคร่งครัด แล้วเราจะปลอดภัยจากอันตรายหรืออุบัติเหตุต่าง ๆ

สาเหตุโดยทั่วไปของอุบัติเหตุ อาจแบ่งได้ดังนี้
1.ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
     มักเกิดกับบุคคลที่เข้าทำงานใหม่ ๆ หรือเข้าทำงานกับเครื่องมือ เครื่องจักรใหม่ โดยที่ ไม่ได้รับคำอธิบายถึงการปฏิบัติและการทำงานของเครื่องมือเครื่องจักรโดยละเอียด จึงมักจะทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อย ๆ

  • การสอนเกี่ยวกับความปลอดภัยยังไม่ดีพอ
  • กฎความปลอดภัยไม่มีผลบังคับใช้
  • ไม่ได้วางแผนงานความปลอดภัยไว้เป็นส่วนหนึ่งของงาน
  • จุดอันตรายต่าง ๆ ไม่ได้ทำการแก้ไข
  • อุปกรณ์ความปลอดภัยไม่ได้จัดให้
  • ขาดความรู้หรือไม่ได้ตระหนักในเรื่องความปลอดภัย

2. ความประมาท

  • เกิดจากมีความเชื่อมั่นมากเกินไปเนื่องจากทำงานมานาน
  • การละเลยไม่เอาใจใส่หรือมีทัศนคติผิด ๆในเรื่องความปลอดภัย
  • เครื่องป้องกันอันตรายหรือเครื่องกั้นจัดไว้ให้ แต่ไม่ใช้หรือถอดออก
  • ใช้เครื่องมือเครื่องใช้ไม่ถูกต้องกับลักษณะของงานที่ทำ ถึงแม้ว่าจะมีเครื่องมือที่ถูกต้องให้เลือกใช้ได้เหมาะสมก็ตาม
  • ยกของด้วยวิธีผิด ๆ จนน่าจะเกิดอันตราย
  • อิริยาบทในการเคลื่อนไหวน่าจะเกิดอันตราย เช่น การเดิน การวิ่ง การกระโดด การก้าว การปีนป่าย
  • การหยอกล้อ หรือล้อเล่นในระหว่างการทำงาน

3. สภาพร่างกายของบุคคล

  • อ่อนเพลีย เนื่องจากไม่สบายเป็นไข้แล้วเข้าทำงานหนัก
  • หูหนวก
  • สายตาไม่ดี
  • โรคหัวใจ
  • สภาพร่างกายไม่เหมาะกับงาน


4. สภาพจิตใจของบุคคล

  • ขาดความความตั้งใจในการทำงาน
  • ขาดความสามารถในการควบคุมอารมณ์ในขณะทำงาน
  • ตื่นเต้นง่าย ขวัญอ่อน ตกใจง่าย

5. อุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องจักร มีข้อบกพร่องอาจเนื่องจากสาเหตุ เช่น

  • ใช้เครื่องมือไม่ถูกขนาด
  • ใช้เครื่องมือที่สึกหรอชำรุด ทื่อ หรือหัก
  • ใช้เครื่องมือที่ปราศจากด้ามหรือที่จับที่เหมาะสม
  • ไม่ใช้เครื่องป้องกันอันตราย
  • จับตั้งงานไม่ได้ขนาด และไม่มั่นคง
  • ละเลยต่อการบำรุงรักษา เช่น น้ำมันหล่อลื่นไม่เพียงพอ

6. สภาพของบริเวณปฏิบัติงานที่ไม่ปลอดภัย เช่น

  • แสงสว่างไม่เพียงพอ
  • เสียงดังมากเกินไป
  • การระบายอากาศที่ไม่เหมาะสม
  • ความสกปรก
  • บริเวณที่คับแคบ
  • มีสารเคมี และเชื้อเพลิง
  • พื้นที่ลื่น เนื่องจากคราบน้ำมัน
  • หลุมและสิ่งกีดขวางทางเดิน
  • การสูญเสียเนื่องจากการเกิดอุบัติเหตุ

การที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นแต่ละครั้งย่อมหมายถึงการสูญเสียเกิดขึ้นทุกครั้ง ได้แก่


1.การสูญเสียโดยตรง

  • ได้รับบาดเจ็บ พิการ หรือตาย และอาจทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายด้วย
  • ทำให้อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร ตลอดจนทรัพย์สินอื่น ๆชำรุดเสียหาย
  • การ สูญเสียที่คิดเป็นเงินที่นายจ้างหรือรัฐบาลต้องจ่ายโดยตรง ให้แก่ผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุจากการทำงาน เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินทดแทนที่ต้องจ่ายโดยรัฐหรือโรงงาน ค่าทำขวัญ

2. การสูญเสียโดยทางอ้อม
คือ การสูญเสียซึ่งมักจะคิดไม่ถึง หรือไม่ค่อยได้คิดว่าเป็นการสูญเสียเป็นลักษณะการสูญเสียที่แฝงอยู่ไม่ปรากฏเด่นชัด เช่น

  • สูญเสียแรงงานของลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บ จะต้องใช้เวลาพักฟื้นจนกว่าจะหาย
  • สูญ เสียเวลาของลูกจ้างคนอื่น ๆ ซึ่งหยุดทำงานในขณะเกิดอุบัติเหตุด้วยเหตุผลต่อไปนี้ ความอยากรู้อยากเห็นเข้าไปมุงดูซักถามเหตุการณ์ด้วยความเห็นใจลูกจ้างผู้บาด เจ็บ ตื่นเต้น หรือช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในการทำปฐมพยาบาลหรือนำส่งโรงพยาบาล
  • สูญเสียเวลาของแพทย์หรือพยาบาล หรือเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ในการปฐมพยาบาล
  • ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเครื่องจักรกล เครื่องมือ
  • ทำให้ปริมาณผลผลิตขาดหายไป ผลิตให้ผู้ใช้ไม่ทันเวลา เงินรางวัล โบนัสประจำปีลดน้อยลงไป
  • สูญเสียผลกำไรส่วนหนึ่งไป เนื่องจากลูกจ้างบาดเจ็บและเครื่องจักรหยุดทำงาน
  • ทำให้คนงานขวัญเสีย เกิดความกลัว ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
  • ครอบครัวต้องสูญเสียกำลังหลัก กำลังใจ สูญเสียรายได้

3.อันตรายจากสิ่งแวดล้อมในการทำงาน
การ ทำงานในชีวิตประจำวันของคนเรานั้น จะต้องสัมผัสสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันไป ทำให้แต่ละคนได้รับพิษภัย และการเกิดโรคอันเนื่องมาจากการทำงานแตกต่างกันไปตามสถานะภาพ ในหน้าที่การงานของแต่ละคน อันตรายจากสิ่งแวดล้อมในการทำงานพิจารณาได้ดังนี้

  • เสียงดัง คนทำงานโดยทั่วไปประมาณวันละ 8 ชั่วโมง จะรับระดับเสียงได้ไม่เกิน 90 เดซิเบล ถ้าดังเกินไปจะทำให้หูตึงและอาจหูหนวกได้
  • แสงสว่าง แสงสว่างมากเกินไป อาทิ เช่น จากเตาหลอม ไฟเชื่อม ทำให้ตาฝ้า ตามัว และอาจบอดได้
  • ความ ร้อน ถ้าไม่มีการป้องกันความร้อนที่ดีแล้วอาจได้รับอันตรายจากความร้อน เช่น ทำให้อ่อนเพลียไม่มีแรง หน้ามืดบ่อย ๆ และอาจเป็นลมสลบได้
  • ความกดดัน อากาศในบริเวณปฏิบัติงานที่มีความกดดันสูงกว่าปกติ จะทำให้เกิดอาการปวดหู อาจทำให้เยื่อหูฉีกขาดและทำให้หูหนวกในที่สุด
  • ความ สั่นสะเทือน อาจทำให้ เนื้อเยื่ออ่อนของมือ เกิดอาการอักเสบลุกลามไปถึงกระดูกข้อมือ หรือทำให้กล้ามเนื้อมือเป็นอัมพาตหรือทำให้อวัยะบางส่วนลีบได้
  • สารเคมี ฝุ่น ไอ ควัน ละอองแก๊สของสารพิษสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทางคือ
    •  โดยการหายใจ สารเคมีเมื่อเข้าไปถึงปอดจะถูกดูดซึมอย่างเร็วทำให้เกิดโรคปอดได้
    • โดยการดูดซึมทางผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเป็นแผล เกิดอาการเป็นพิษต่อระบบหมุนเวียนโลหิตของร่างกาย
    • โดยการกินเข้าไป

การปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับวัสดุบางชนิดอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ วัสดุเหล่านี้ได้แก่

  • วัสดุที่มีขอบแหลมคม
  • วัสดุที่วางไว้ในที่ที่ไม่เหมาะสม เช่น ไม่มีสิ่งจับยึด แขวนไว้เหนือศรีษะโดยไม่มีเครื่องป้องกันอันตราย หรือวางไว้เกะกะบนพื้น
  • วัสดุที่ติดไฟได้ง่าย เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง ขยะมูลฝอย
  • สารเคมีที่เป็นพิษ
  • วัสดุที่มีอุณหภูมิสูง เช่น โลหะที่เผาจนร้อนจัด น้ำร้อน
  • ไอน้ำหรืออากาศที่มีความดันสูง เช่น หม้อไอน้ำ เครื่องปั้มลม
  • สื่อไฟฟ้าที่ปราศจากฉนวนหุ้ม
  • บันไดที่หัก หรือนั่งร้านที่ไม่แข็งแรงนั่นเอง

หลักความปลอดภัยในการทำงานโดยทั่วไป
     เรื่องสุขภาพความปลอดภัยไม่ใช่เรื่องของใคร คนใดคนหนึ่ง เป็นเรื่องที่ ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ หรือสถานประกอบการ และลูกจ้าง ต้องตระหนักและให้ความสำคัญต่อเรื่องสุขภาพความปลอดภัย ปฎิบัติตามกฎหมายความปลอดภัย วางนโยบาย เรื่องนี้อย่างจริงจังเคร่งครัด และร่วมมือกับผู้ปฎิบัติงานช่วยกัน ดูแลตรวจสอบอย่างจริงจัง และต้องคำนึงถึงเรื่องดังต่อไปนี้

  • จะต้องยอมรับ และปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยของโรงงานโดยเคร่งครัด
  • ใช้เครื่องมือให้ถูกวิธี ถูกขนาด และถูกกับงาน
  • แต่งกายให้ถูกต้องตามระเบียบของโรงงาน และใช้เครื่องป้องกันอันตรายทุกครั้งที่ปฏิบัติงานที่กำหนดให้ใช้เครื่องป้องกัน
  • หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ เครื่องมือหรือเครื่องจักรที่ชำรุดเสียหาย หรืออยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะสมต่อการใช้งาน
  • เก็บรักษาอุปกรณ์ และเครื่องมือที่ใช้ในการทำงานให้เป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เสมอ เมื่อนำไปใช้งานต้องเก็บไว้ให้ถูกจุดทุกครั้ง
  • รักษาความสะอาดทางเดินในโรงงาน และติดป้ายแสดงให้ชัดเจนที่บริเวณปฏิบัติงานที่มีอันตราย
  • รู้จักตำแหน่ง หรือที่ติดตั้งเครื่องดับเพลิงตลอดจนวิธีการใช้
  • ปฏิบัติตามคำเตือนหรือเครื่องหมายแสดงอันตรายใด ๆ ภายในโรงงาน
  • อย่าวิ่งหรือหยอกล้อกันในโรงงาน
  • ในกรณีเกิดอุบัติเหตุให้รีบช่วยเหลือทันที

เครื่องป้องกันอันตรายส่วนบุคคล
     เครื่องป้องกันอันตรายส่วนบุคคล หมายถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่สวมใส่ลงบนอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย หรือหลาย ๆ  ส่วนรวมกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันอันตรายให้แก่อวัยวะส่วนนั้น ๆ ไม่ให้ต้องประสบกับอันตราย คือ เป็นการป้องกันอันตรายจากสภาพแวดล้อมในการทำงาน

อ้างอิง : http://www.shawpat.or.th/


ชุดอุปกรณ์ล็อกวาล์วปีกผีเสื้อพร้อมสายเคเบิล รหัส S3921

อุปกรณ์สำหรับล็อกนิรภัยวาล์วปีกผีเสื้อชนิดก้านบีบรุ่นมาตราฐานทั่วไป มีความทนทานต่อสารเคมีและน้ำหนักเบา สามารถประยุกต์ใช้ได้หลายตัวและหลายขนาดพร้อมกัน น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
คลิกเพื่อดูรายละเอียดสินค้า

คัทเตอร์เซฟตี้ MIZAR รหัส125001

คัทเตอร์นิรภัยMARTOR-MIZAR แบบกดบีบ ที่ให้ความปลอดภัยสูงสุด ใบมีดจะถูกดึงกลับเข้าไปในด้ามจับเอง ใช้งานง่ายด้วยการกำด้ามมีด ใช้คู่กับใบมีด No.523270
คลิกเพื่อดูรายละเอียดสินค้า

ถุงมือผ้าไนล่อน เคลือบโฟมไนไตร

ถุงมือผ้าไนล่อน เคลือบโฟมไนไตร มาตรฐาน EN388 Nitrile Micro Foam Palm-coated Seamless Black Nylon Liner Gloves เป็นถุงมือสำหรับป้องกันการลื่นไถลในการจับสิ่งของได้ดี ป้องกันน้ำมันต่างๆ
คลิกเพื่อดูรายละเอียดสินค้า

ชุดป้องกันสารเคมีประเภทมีแรงดัน

ชุดป้องกันสารเคมีประเภทมีแรงดัน เหมาะสำหรับป้องกันกรดด่าง แอลกอฮอล์ น้ำมัน และเคมีอื่นๆ มากกว่า 100ชนิด แข็งแรงทนทาน ป้องกันการซึมผ่านของสารเคมี
คลิกเพื่อดูรายละเอียดสินค้า